สำนักงานศุลกากร สาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานยอดการส่งออกในเดือนพฤษภาคมของจีน คำนวณตามเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนก่อนหน้านี้ที่เติบโตที่ระดับ 12.7%
อย่างไรก็ตาม ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์ตามโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตที่ระดับเฉลี่ย 10%
ในขณะที่ยอดการนำเข้าในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เติบโตที่ระดับ 21.5%
รวมทั้งยังเป็นอัตราการเติบโตที่มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตที่ระดับ 18.7%
การเพิ่มขึ้นอย่างมากของยอดการนำเข้าดังกล่าว มาจากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้า ชิปคอมพิวเตอร์ น้ำมันดิบ แร่ธาตุทองแดง รวมทั้งแก๊ซธรรมชาติเป็นสำคัญ
ยอดการนำเข้าและส่งออกของจีน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดการค้าระหว่างประเทศที่เติบโตมากที่สุดในรอบ 5 เดือนของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ยอดการนำเข้าที่เติบโตเพิ่มขึ้นมากดังกล่าว ส่งผลให้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนได้ดุลการค้าลดลงมาอยู่ที่ระดับ 24.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเมื่อเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 28.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่งออกไปสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
และแม้ว่าจีนจะเผชิญการกีดการทางการค้าจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาลดลง และดุลการค้าที่ได้จากสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นด้วย
รายงานของทางการจีนดังกล่าว ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคม ยอดการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากเมื่อเดือนเมษายนก่อนหน้านี้ที่เติบโตที่ระดับ 9.7%
ในขณะที่ยอดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 11.4% ชะลอลงจากเมื่อเดือนก่อนหน้าที่เติบโตที่ระดับ 20.3%
ส่งผลให้จีนได้ดุลการค้าจากสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภคม เพิ่มขึ้นเป็น 24.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากเมื่อเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 22.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ