อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันที่ 10 เมษายน 2561 นักลงทุนรับข่าวดีจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนที่ออกมากล่าวประกาศถึงการเปิดตลาดจีนให้กว้างขึ้น เพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศได้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น นับเป็นการปลอบใจให้กับนักลงทุนที่กำลังกังวลกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในขณะนี้ ซึ่งคำกล่าวของประธานาธิบดีของจีน กระตุ้นให้ตลาดหุ้นทั่วทั้งโลกพากันเพิ่มขึ้นอย่างแรง ส่งผลต่อ sentiment ที่ดีของนักลงทุนในสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างแรงถึงกว่า 3% ยังดันให้หุ้นในกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ดัชนี |
ปิดการซื้อขาย |
เปลี่ยนแปลง |
% |
DOWJONE |
24,408.00 |
+ 428.90 |
1.79 |
NASDAQ |
7,094.30 |
+143.96 |
2.07 |
S&P500 |
2,656.87 |
+43.71 |
1.67 |
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนออกมากล่าวปลอบใจบรรดานักลงทุนที่กำลังวิตกกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาให้คลายความวิตกกังวลดังกล่าว ด้วยการกล่าวว่า จีนจะใช้มาตรการที่แหลมคมเปิดตลาดให้กว้างขึ้นเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงตลาดของจีนได้มากยิ่งขึ้น จีนจะเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนต่างประเทศในการเป็นเจ้าของกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น และจะดำเนินการมากขึ้นในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาให้กับกลุ่มธุรกิจ รวมทั้งประกาศจะลดภาษีนำเข้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จากต่างประเทศด้วย
หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างแรงรับข่าวของประธานาธิบดีจีนดังกล่าว นำโดยหุ้นของบริษัท Tesla ที่เพิ่มขึ้นถึง 5.2% หุ้นบริษัท General Motors เพิ่มขึ้น 3.3% หุ้นบริษัท Ford Motor เพิ่มขึ้น 1.8%
รวมทั้งราคาน้ำมันดิบ WTI ซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นถึงกว่า 3% ขึ้นไปยืนซื้อขายเหนือระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล อันเป็นระดับที่สูงที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 3.3 % นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับปัจจัยบวก จากการกลับมาฟื้นตัวอย่างแรงของหุ้นFacebook ที่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 4% ภายหลังนายมาร์ค ซัคเกอร์เบอร์ก เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Facebook ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา จากการที่ถูกกล่าวหาว่า Facebook สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการหลายสิบล้านคน ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงทุกกลุ่ม ยิ่งดันให้ดัชนีรวมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างแรง
กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเติบโตที่เร่งตัวขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ก่อนหน้านี้ที่มีอัตราการเติบโตที่ระดับ 0.2% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า PPI ของสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 3.0% เร่งตัวขึ้นจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่เติบโตที่ระดับ 2.8% เช่นกัน
อัตราการเติบโตดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโต 0.1% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า และจะเติบโตที่ระดับ 2.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แม้ข้อมูลดังกล่าวจะสะท้อนสัญญาณของเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มของการเพิ่มขึ้น แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นในกลุ่มผู้ประกอบการวัตถุดิบเพื่อการผลิตต่างพากันเพิ่มขึ้นอย่างแรงเช่นกัน