อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป วันที่ 4 ธันวาคม 2562 นักลงทุนยังคงเล่นกับข่าวสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้ราคาหุ้นลดลงมาสองวันติดต่อกัน ในวันนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานข่าวของบลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในเฟสแรก ใกล้ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ส่งผลให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในตลาดด้วยความคาดหวังกับการเจรจาการค้าอีกครั้ง ทำให้ดัชนีราคาหุ้นทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปขึ้นไปปิดในแดนบวกได้อีกครั้ง หลังจากที่ลดลงอย่างแรงเมื่อวันก่อนหน้านี้ ประกอบกับตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาซื้อขายกันในช่วงเช้า อันตรงกับภาคบ่ายของยุโรปต่างเพิ่มขึ้นกันหมดทั้งสามดัชนีสำคัญ
ดัชนี |
ปิดการซื้อขาย |
เปลี่ยนแปลง |
% |
FTSE |
7,188.50 |
+29.74 |
0.42 |
DAX |
13,140.57 |
+151.28 |
1.16 |
CAC 40 |
5,799.68 |
+72.46 |
1.27 |
The Stoxx Europe 600 index อันเป็นดัชนีชี้วัดราคาหุ้นที่สำคัญของทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้นถึง 1.18% หลังจากที่ลดลงแรงมาสองวันติดต่อกัน
หุ้นในกลุ่มผู้ประกอบการวัตถุดิบเพื่อการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างแรงถึง 1.7% หลังจากลดลงอย่างแรงเมื่อวันก่อนหน้านี้ และตลาดรับข่าวดีเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
ตลาดกลับมาคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอีกครั้ง หลังจากบลูมเบิร์ก สำนักข่าวการเงินการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่อยู่ร่วมการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนว่า ทั้งสองประเทศใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเฟส 1 ระหว่างกันแล้ว ซึ่งในการเจรจาดังกล่าว จะส่งผลให้มีการยกเลิกการขึ้นภาษีระหว่างกัน กลับมาใช้ระดับภาษีเดิมที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้
ประกอบกับตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซื้อขายในช่วงเช้าอันตรงกับช่วงภาคบ่ายของยุโรป ต่างพากันเพิ่มขึ้นกันหมดทั้งสามดัชนีสำคัญ โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 200 จุด
นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของทั่วทั้งยูโรโซนที่ออกมาดีด้วย
IHS Markit รายงานผลการสำรวจดัชนีธุรกรรมการจัดซื้อ(PMI)ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการรวมกัน ของกลุ่ม 19 ประเทศในยูโรโซน เดือนพฤศจิกายน ครั้งสุดท้าย ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.6 อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อเดือนก่อนหน้า อันเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี แต่ดีกว่าที่รายงานเป็นตัวเลขเบื้องต้นเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนว่าอยู่ที่ระดับ 50.3 กลายเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาด (วิธีการอ่านดัชนี PMI ก็คือ หากว่า อยู่ในระดับเกิน 50 จะส่งสัญญาณของการเติบโต แต่หากต่ำกว่าจะส่งสัญญาณของการหดตัว)